
บทที่สวรรค์กำหนด นิค โป๊ป ยอดนายทวารของสาลิกาดง
ลำพังความปราชัยครั้งที่ 2 ของซีซั่น และการแพ้ครั้งแรกในรอบ 17 นัดของ นิวคาสเซิล ต่อลิเวอร์พูล คงไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก ถ้าหากเทียบกับ โอกาสพลาดลงสนามนัดชิงคาราบาวคัพของ นิค โป๊ป ยอดนายทวารของสาลิกาดง นี่คือโอกาสเข้าชิงบอลถ้วยครั้งแรกในรอบ 24 ปี และมันคือความหวังของแฟนบอลทูนอาร์มี่ที่เหนือไปกว่าสิ่งอื่นใด ถ้าหากเปรียบเทียบเหตุการณ์ของสาลิกาดง ไล่ตั้งแต่หนีตกชั้น ถูกเทคโอเวอร์ เปลี่ยนกุนซือ สร้างทีมใหม่ และบินสูงในซีซั่นนี้ เราคงไม่ต้องแปลกใจว่าสารคดี all or nothing สนใจและกำลังตามถ่ายทำ
เรื่องราวที่เหมือนบทละครหน้าหนึ่งที่มีเรื่องราวให้พูดถึงมากมายเช่นนี้ แต่ถ้าหากไล่เรียงมาแล้ว บทละครนี้ตอนจบในนัดชิงบอลถ้วยที่ว่า มันกำลังจะเข้มข้นและน่าติดตามยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อ โกล์มือ 1 ของสาลิกาดงติดโทษแบน ส่วนโกล์มือ 2 มาร์ติน ดูบราฟก้าก็ดันมาติดคัพไท เพราะเคยลงเล่นให้กับคู่ชิง แมนยูไนเต็ดมาแล้ว และยิ่งดราม่าไปกว่านั้นเพราะว่า ถ้าผีแดงได้แชมป์ เขาก็จะได้เหรียญไปด้วย
เหลือบตาไปมองที่โกล์มือ 3 ชื่อของ ลอริอุส คาริอุส โกล์คนบาปที่เคยทำให้หงส์แดงพ่ายแพ้ รีลมาดริดในนัดชิงยูซีแอลเมื่อหลายปีก่อน คือตัวเลือกแรกที่สามารถลงเล่นในนัดชิงได้ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ลงเล่นบอลนัดเป็นทางการตั้งแต่ปี 2021 หลังหมดสัญญากับต้นสังกัดเก่า คราบน้ำตา เสียงหัวร่อและคำถากถาง ทั้งหมดทำให้ นายด่านชาวเยอรมันแทบจะหมดอนาคตและไร้ที่ยืนในบอลระดับสูง ถ้าหากไม่เพียงแต่ นิวคาสเซิลจะตัดสินใจดึงเขากลับมาจากจุดต่ำสุดด้วยการให้เขาเข้ามาเป็นโกล์แบคอัพให้กับ นิค โป๊ป ในช่วงที่ ดูบราฟก้า ย้ายไปยืมตัวกับแมนยูไนเต็ด
ไม่ว่าจะ 90 นาที หรือ 120 นาทีที่กำลังจะเกิดขึ้นที่สังเวียนอันศักดิ์สิทธิ์ เวมบลีย์ในสัปดาห์หน้า…..คาริอุส จะได้โอกาสอีกครั้งราวกับบทละครอีกครั้งเพื่อไถ่บาปราวกับพลอทหนังเรื่อง shawshank redemption และมันอาจจะเป็นบทสรุปที่คงทำให้ผู้ชมและแฟนบอล มีได้ทั้งเสียงหัวเราะหรือคราบน้ำตา เฉกเช่นตอนจบของซีรีย์ที่กำลังถ่ายทำเช่นกัน ผมไม่รู้ว่า พระเจ้าหรือสวรรค์เขียนตอนจบของนัดชิงคาราบาวคัพปีนี้ว่าอย่างไร แต่ที่รู้คือองค์สุดท้ายของบทละครเรื่องนี้ คงจะถูกจดจำไปอีกนานแสนนาน ไม่ว่ามันจะจบแบบ happy ending หรือไม่ก็ตามที